|

กระสือหลายคนคงรู้จักกันดี ว่าหมายถึงคน (หรือผี) ที่สามารถถอดหัวออกจากร่างไปหากินตอนกลางคืนได้ อาหารของกระสือคือของเน่าบูดต่าง ๆ (น่าจะเรียกว่าผีเทศบาลเพราะช่วยกำจัดขยะได้เป็นอย่างดี) และเรื่องที่ผมจะนำมาเล่าให้ฟัังในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา มีแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป ลองฟังกันครับ

ตำนานแรก เป็นเรื่อของกระสือที่เล่าว่าเกิดขึ้นที่หมู่บ้านไกล้ ๆ กับหมู่บ้านของผมในสมัยก่อน เรื่องมีอยู่ว่ามียายแก่ที่ปลูกบ้านอยู่คนเดียวคนหนึ่ง แกไม่มีลูกไม่มีหลาน แกมักจะรับเด็กคนหนึ่งไปนอนเป็นเพื่อนแกเป็นประจำ และแกก็มักจะชวนเด็กคนนั้นออกหาปลาในตอนกลางคืน ซึ่งก็ไม่เคยจะได้ปลาอะไรหรอก จะได้ก็แต่หอยขมทุกครั้งที่ไปหาปลา เจ้าเด็กคนนี้อดสงสัยไม่ได้ ว่าที่ยายแก่พาไปหาปลานั้นคือที่ไหนกันแน่ มันคลับคล้ายคลับคลา แต่ก็จำไม่ได้ วันหนึ่งเจ้าเด็กคนนี้ก็ทนความสงสัยไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้ก็เลยเอาผ้าขาวไปผูกไว้กับต้นไม้เพื่อเป็นเครื่องหมาย เผื่อเวลากลางวันจะได้ลองหาดู แต่พอรุ่งเช้าเมื่อเด็กคนนี้กลับบ้าน ก็เห็นผ้าขาวที่จำได้ว่าผูกไว้กับต้นไม้นั้นผูกติดอยู่กับเสาบ้านนั่นเอง เจ้าเด็กคนนั้นรู้ได้ทันทีว่ายายแก่นั้นที่แท้ก็คือผีกระสือ และหอยขมที่หาได้ก็คือขี้ไก่ใต้ถุนบ้านนั่นเอง

เรื่องที่สองเป็นเรื่องที่ตามตำนานบอกว่าเกิดขึ้นในหมู่บ้านของผมนี่แหละ มีเด็กคนหนึ่งที่มักจะอุ้มน้องมาเล่นที่วัดเป็นประจำ และที่วัดก็มีส้มโอที่กำลังออกผลอยู่ ทีนี้เจ้าคนน้องเกิดอยากได้ส้มโอก็ร้องไห้้ บอกให้คนพี่เด็ดส้มโอให้ คนพี่ก็บอกว่าส้มโอวัด เด็ดไม่ได้เดี๋ยวสมภารตีเอา แต่เจ้าน้องก็ร้องจะเอาอยู่นั่นแหละ เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของสมภารที่แอบดูอยู่โดยเด็กสองคนไม่รู้ตัว ในที่สุดเมื่อทนรบเร้าไม่ไหวคนพี่ก็เลยต้องเด็ดส้มโอให้น้อง สมภารเห็นดังนั้นก็แกล้งขู่ไปว่าเด็กนี่มาเด็ดส้มโอวัดได้อย่างไร จะตีให้หลังลาย เด็กคนนั้นเลยบอกว่าอย่าตีหนูเลยหนูขอยืมให้น้องเล่นสักพัก เดี๋ยวหนุจะเอาไปติดคืนไห้ สมภารก็ถามว่าเด็ดไปแล้วจะติดคืนได้อย่างไร เด็กก็บอกว่าได้ สมภารเลยบอกว่าถ้าเองติดไม่ได้ข้าจะตีให้หลังลาย สักพักเมื่อคนน้องหายโยเยคนพี่ก็ขอส้มโอคืนแล้วใช้น้ำลายแตะตรงขั้วแล้วนำส้มโอไปติดคืนได้ดังเดิม สมภารเห็นดังนั้นก็แปลกใจไม่คิดว่าเด็กตัวเล็ก ๆ ก็มีวิชาอาคม เลยขอให้เด็กสอนวิชาให้ เด็กก็บอกว่าไม่ดีหรอกและพยายามบ่ายเบี่ยง สมภารเลยต้องขู่ เด็กเลยให้สมภารอ้าปากและถ่มน้ำลายใส่ปากสมภาร เมื่อเด็กกลับไปแล้วสมภารก็ทดลองเด็ดส้มโอมาลองติดคืนก็สามรถทำได้สมภารดีใจเป็นยิ่งนัก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป บางสิ่งที่ผิดปรกติก็เริ่มเกิดขึ้น สมภารเริ่มรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ สมภารได้เรียกพระลูกวัดมาสอบถามว่าสองสามวันมานี้ตัวเองมีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า พระลูกวัดก็ตอบว่าไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกตินี่นา สมภารเลยเปิดให้ดูใต้เตียง พระลูกวัดถึงกับตกใจ เพราะใต้เตียงนั้นมีอุจจาระแห้งอยู่จำนวนหนึ่ง สมภารบอกว่าสองสามวันนี้ไม่รู้เป็นอะไรเกิดอยากกินแต่ยังทำใจไม่ได้เลยเก็บมาไว้ใต้เตียง พระลูกวัดเลยถามถึงที่มาที่ไป สภารเลยบอกว่าตั้งแต่เรียนวิชากับเด็กคนนั้น ก็มีอาการแปลก ๆ แบบนี้แหละ พระลูกวัดเลยบอกว่าแน่นอนเด็กคนนั้นเป็นกระสือ และท่านก็กำลังจะกลายเป็นกระสือ และเมื่อได้เจอเด็กคนนั้นอีกสมภารวัดก็รีบเข้าไปต่อว่าเด็กทันทีว่าเด็กมาแพร่เชื้อกระสือให้ตนได้อย่างไร เด็กคนนั้นก็บอกว่าท่านบังคับหนูเองนี่นา แต่ไม่เป็นไรหรอกถ้าท่านถ่มน้ำลายใส่ปากหนูคืนท่านก็จะไม่เป็นไรแล้ว สมภารทำตามและกลับคืนสู่ปรกติในที่สุด ครับยังนับว่าสมภารองค์นี้ยังโชคดีอยู่นะครับ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป บางสิ่งที่ผิดปรกติก็เริ่มเกิดขึ้น สมภารเริ่มรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ สมภารได้เรียกพระลูกวัดมาสอบถามว่าสองสามวันมานี้ตัวเองมีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า พระลูกวัดก็ตอบว่าไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกตินี่นา สมภารเลยเปิดให้ดูใต้เตียง พระลูกวัดถึงกับตกใจ เพราะใต้เตียงนั้นมีอุจจาระแห้งอยู่จำนวนหนึ่ง สมภารบอกว่าสองสามวันนี้ไม่รู้เป็นอะไรเกิดอยากกินแต่ยังทำใจไม่ได้เลยเก็บมาไว้ใต้เตียง พระลูกวัดเลยถามถึงที่มาที่ไป สภารเลยบอกว่าตั้งแต่เรียนวิชากับเด็กคนนั้น ก็มีอาการแปลก ๆ แบบนี้แหละ พระลูกวัดเลยบอกว่าแน่นอนเด็กคนนั้นเป็นกระสือ และท่านก็กำลังจะกลายเป็นกระสือ และเมื่อได้เจอเด็กคนนั้นอีกสมภารวัดก็รีบเข้าไปต่อว่าเด็กทันทีว่าเด็กมาแพร่เชื้อกระสือให้ตนได้อย่างไร เด็กคนนั้นก็บอกว่าท่านบังคับหนูเองนี่นา แต่ไม่เป็นไรหรอกถ้าท่านถ่มน้ำลายใส่ปากหนูคืนท่านก็จะไม่เป็นไรแล้ว สมภารทำตามและกลับคืนสู่ปรกติในที่สุด ครับยังนับว่าสมภารองค์นี้ยังโชคดีอยู่นะครับ

เรื่องที่สามนั้นตามตำนานไม่ได้ระบุว่าเกิดขึ้นที่ไหน เป็นเรื่องของคู่รักชายหญิงสองคน วันหนึ่งทั้งสองได้นัดเจอกันที่ท้ายนาตามประสาคนรักกัน ฝ่ายชายได้ไปรอยังที่นัดหมายก่อน แต่รอนานก็แล้วฝ่ายหญิงก็ยังไม่มา ไม่รู้นึกอย่างไรฝ่ายชายเลยปีนขึ้นไปรอบนต้นไม้ ในที่สุดฝ่ายหญิงก็มา แต่ฝ่ายชายกลับคิดว่าอยากปล่อยให้เรารอดีนักต้องแกล้งปล่อยให้รอซะบ้าง ฝ่ายหญิงนั้นนึกว่าฝ่ายชายยังไม่มาก็ได้แต่รอ ผ่านไปสักพักฝ่ายชายก็ได้เห็นบางสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เมื่อแฟนของเขาเอานิ้วจุ่มน้ำลายและทาวนไปรอบศรีษะ แล้วถลกหนังหัวออกมาวางบ่นหัวเข่าแล้วนั่งหาเหา ฝ่ายชายเห็นดังนั้นก็ร้องลั่นตกจากต้นไม้ กระสือตนนั้นเมื่อเห็นว่าความลับถุกเปิดเผย ก็กำชับชายคนนั้นว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ชายคนนั้นให้สัญญา แต่กระสือสาวไม่ไว้ใจจึงยื่นมีดโกนให้ชายคนนั้นกลืนลงท้องและบอกว่าหากนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังมีดโกนในท้องจะบาดไส้ตายทันที ด้วยความกลัวตายชายคนนั้นจึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับโดยไม่ยอมเปิดเผย
แล้วเวลาก็ผ่านไป เป็นเดือน เป็นปี สิบปี ร้อยปี ชายคนนี้เพิ่งสังเกตุเห็นว่าในขณะที่คนรอบข้างเขาต่างพากันล้มหายตายจากแต่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ต่อมานับร้อย ๆ ปี มาถึงตอนนี้ชีวิตที่เคยหวงนักหวงหนาก็ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรแล้ว เขาเริ่มรู้สึกเบื่อและต้องการก้าวข้ามการมีชีวิต เหมือนพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก หลานของเขาที่พากันตายจากไปหมดแล้ว ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เขาเก็บงำมาหลายร้อยปีให้ผู้คนได้ฟัง แล้เขาก็ได้ลาจากโลกนี้ไปสมใจ
แล้วเวลาก็ผ่านไป เป็นเดือน เป็นปี สิบปี ร้อยปี ชายคนนี้เพิ่งสังเกตุเห็นว่าในขณะที่คนรอบข้างเขาต่างพากันล้มหายตายจากแต่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ต่อมานับร้อย ๆ ปี มาถึงตอนนี้ชีวิตที่เคยหวงนักหวงหนาก็ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรแล้ว เขาเริ่มรู้สึกเบื่อและต้องการก้าวข้ามการมีชีวิต เหมือนพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก หลานของเขาที่พากันตายจากไปหมดแล้ว ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เขาเก็บงำมาหลายร้อยปีให้ผู้คนได้ฟัง แล้เขาก็ได้ลาจากโลกนี้ไปสมใจ
ครับนี่เป็นเพียงบางส่วนของตำนานที่ได้ฟังมาแต่ครั้งยังเด็ก และนำมาเล่าสู่กันฟังครับ